ถือเป็นก้าวสำคัญของมวลมนุษยชาติอีกครั้งเมื่อองค์การนาซาได้ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาได้ค้นพบระบบสุริยะแห่งใหม่ที่ให้ชื่อว่า TRAPPIST-1 ที่ประกอบไปด้วยดาวฤกษ์ 1 ดวง ดาวเคราะห์อีก 7 ดวง ซึ่งใน 3 ดวงเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการมีสิ่งมีชีวิตอยู่อาศัย เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยขึ้นจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ ที่ได้ทำการแถลงข่าวไป ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี การแถลงข่าวดังกล่าวมีการเปิดเผยว่าการค้นพบนี้ถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ รายงานดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ลงยังวารสารเนเจอร์ โดยมีการระบุว่า กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิดเซอร์ได้มีการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจักรวาลที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลก มีด้วยกัน 7 ดวง พร้อมกันนี้ยังโคจรรอบดาวฤกษ์เหมือนกับระบบสุริยะของเรา โดยอยู่ห่างออกไปจากโลกถึง 40 ปีแสง หรือราว 378 ล้านล้านกิโลเมตร อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ
สำหรับระบบสุริยะดังกล่าวถูกตั้งชื่อว่า TRAPPIST-1 มีที่มาจากกล้องโทรทรรศน์ TRAPPIST ในประเทศชิลี ในช่วงปี 2559 นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ชื่อ TRAPPIST กับการประกาศการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ 3 ดวง ก่อนถูกยืนยันว่ามีแค่ 2 ใน 3 ต่อมาได้มีการค้นพบอีก 5 ดวงรวมเป็น 7 ดวง โดยเชื่อว่าใน 3 ดวงที่ค้นพบถือว่าเป็นโซนที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้หรืออาจเป็นไปได้ในการมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ และน่าจะมีน้ำเป็นของเหลวซึ่งทำให้อยู่ได้ นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุขนาดของดาวเคราะห์ในระบบ TRAPPIST-1 ได้ครบทั้ง 7 ดวง นอกจากนี้ยังสามารถคำนวณมวลพร้อมความหนาแน่นของดาวเคราะห์ได้ถึง 6 ดวง จากการวิเคราะห์ยังระบุอีกว่าน่าจะมีลักษณะใกล้เคียงกับโลก ดาวฤกษ์ในระบบ TRAPPIST-1 ถือว่าเป็นประเภทดาวแคระเย็นแตกต่างจากดวงอาทิตย์ จากความเย็นจัดที่ว่าทำให้ของเหลวสามารถอยู่บนดาวเคราะห์เหล่านั้นได้แม้จะห่างไกลมากก็ตาม นอกจากนี้ดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวงของระบบ TRAPPIST-1 ยังอยู่ใกล้กับดาวฤกษ์มากกว่าระบบสุริยะจักรวาลของเราเสียอีก นอกจากนี้ดาวเคราะห์ในระบบ TRAPPIST-1 ยังอยู่ใกล้กันเป็นอย่างมากประมาณว่าหากยืนบนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งก็สามารถมองเห็นดาวเคราะห์ใกล้เคียงได้ด้วยตาเปล่ากันเลยทีเดียว
สิ่งที่ว่านี้คล้ายๆ กับเรามองเห็นดวงจันทร์จากบนพื้นโลกของเราก็ไม่ปานแต่ความพิเศษมากกว่าคือดาวที่มองเห็นจะมีขนาดใหญ่กว่าดวงจันทร์พร้อมทั้งยังสามารถมองเห็นพื้นผิวธรณีวิทยาหรือเมฆบนชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้เคียงได้เลยอีกต่างหาก ถือเป็นความน่าสนใจที่กำลังทำการศึกษากันต่อไปในเวลานี้ต่อการค้นพบความน่าสนใจดังกล่าว