คุณคิดอย่างไรถ้าวันหนึ่งข้างหน้ามนุษย์เราอาจจะไปแข่งสเก็ตน้ำแข็งกันบนดวงจันทร์ เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการค้นพบว่าที่ขั้วดวงจันทร์ด้านใต้มีความสว่างเป็นประกายเกิดขึ้นพร้อมกับอุณหภูมิเย็นจัดที่สุด ประกายนี้มีความสว่างจนไม่น่าจะเกิดจากประกายจากพื้นดินธรรมดาแต่ดูคล้ายประกายจากพื้นน้ำแข็งมากกว่า นักวิทยาศาสตร์หญิงที่มีชื่อว่า อลิซาเบธ ฟิชเชอร์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลนี้ เธอนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้ทำการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับเกล็ดน้ำแข็งบนดวงจันทร์มานานหลายปี ตั้งแต่ครั้งที่เธอศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยฮาวายในยุค 1990 มาจนกระทั่งปัจจุบัน ด้วยการวิเคราะห์รวบรวมข้อมูลต่างๆ
เกล็ดน้ำแข็งถูกค้นพบในจุดที่ถูกเรียกว่า “บริเวณดักความเย็น “ มีอุณหภูมิเย็นมากถึง -163 องศาเซลเซียส ซึ่งกักเก็บแผ่นน้ำแข็งเคลือบบางๆ ที่ก่อตัวขึ้นบนผิวดินในชั้นฝุ่นไว้เป็นเวลานานหลายปีและอาจถึงพันล้านปีทีเดียว จุดใต้ขั้วดวงจันทร์บริเวณนี้โดยปกติจะต้องเป็นจุดที่มืดที่สุดเพราะแสงสว่างใด ไม่สามารถส่องถึงแต่กลับมีแสงประกายขึ้นมาซึ่งอาจมาจากแสงของผลึกน้ำแข็ง หลักฐานถูกค้นพบบางส่วนซึ่งนำมาเป็นหลักฐานประกอบจากการพบของยานอวกาศของนาซ่าในปลายทศวรรษ 1990 พบไฮโดรเจนอยู่เป็นจำนวนมากที่บริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ ซึ่ง ณ ห้วงเวลานั้นยังเป็นการคาดเดาว่า โฮโดรเจนที่ได้พบอาจจะควบรวมกับออกซิเจนบนดวงดาวทำให้เกิดเป็นน้ำขึ้นมาได้หรือไม่ เพื่อไขปริศนานี้จึงมีการนำยานอวกาศขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้งในปี ค.ศ. 2009 และจากการไปสำรวจเก็บข้อมูลครั้งนั้นจึงพบว่าอุณหภูมิที่วัดได้รวมกับค่าความสว่างที่วัดได้จากเลเซอร์ของยานพบว่าบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำสุดนั้นกลับมีความสว่างมาก เป็นไปได้ที่จะมีสสารคล้ายน้ำแข็งหรืออาจจะเป็นโลหะสะท้อนแสงอยู่
การค้นพบครั้งนี้ถูกยืนยันด้วยข้อมูลที่ตรงกันกับทีมการสำรวจและศึกษาถึงวัตถุที่ขั้วใต้ดวงจันทร์ มีชื่อทีมว่า LRO พวกเขาส่งยานอวกาศขึ้นไปบนดวงจันทร์อีกครั้งเพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้ในปี ค.ศ. 2015 ด้วยการวัดวิธีใหม่กับแสงอัลตราไวโอเลตโดยไม่พึ่งพาแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ของทีม LRO ผลสรุปก็ได้ตรงกันกับผลสรุปเดิมในครั้งก่อน คือได้ค้นพบแสงสว่างบนบริเวณที่เย็นที่สุดของขั้วใต้ดวงจันทร์เช่นกัน นับว่าเป็นการค้นพบความลับของดวงจันทร์และจักรวาลที่น่าตื่นเต้นและมนุษยชาติก็ได้ขยับตัวเข้าใกล้ดวงดาวอื่นๆ มากขึ้นอีกขั้น สักวันความคิดฝันที่จะไปอยู่ในดาวดวงอื่นหรือการสัญจรท่องไปในอวกาศของมนุษย์โลกอาจจะไม่เป็นเพียงแค่ความฝัน
